วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

คุณค่าที่มากกว่าในตำรา


โรงเรียน มหาวิทยาลัย ล้วนแล้วแต่สอนให้เรามีความสามารถที่จะนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตในอนาคตให้ประสบณ์ความสำเร็จในชีวิต ทำมาให้กินได้ แต่ไม่ได้สอนการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและระยะยาว(ชาติหน้า) ผมรู้สึกโชคดีที่ได้มาเจอวัดพระธรรมกาย  และได้ฟังธรรมหรือข้อคิดดีๆ จากหลวงพ่อธัมมชโยที่เป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตในวัยเรียน ณ ตอนนั้นมีหลายเรื่องมากครับ ทั้งเรื่องที่บ้าน เรื่องเรียน เรื่องงานชมรม มากมาย แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี เคล็ดลับก็ไม่มีอะไรมากครับ ตอนนั้นนั่งสมาธิทุกวัน วันล่ะ 45 นาที ทำให้เรามองปัญหาและค่อยๆแก้ไปได้เรื่อยๆ ถ้าเกิดไม่มีคำสอนดีๆ วิธีการนั่งสมาธิที่ใช่ จากหลวงพ่อก็คงทำให้ผมไม่สามารถปัญหามาได้หรือถ้าผ่านมาได้ก็คงเจ็บเยอะและคงไม่มาจนถึงปัจจุบันนี้หรอกครับ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

สิ่งดีๆที่ฉันได้รับ





อะไรกันนะที่ทำให้เราติดใจการมาวัดพระธรรมกาย แม้ที่บ้านจะไม่ยินดีด้วยก็ตาม  เป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่บ่อยครั้งที่ได้มาวัด  อะไรกันนะ?  อะไรกัน?  ตอนนี้ผมได้คำตอบแล้วครับ^^  สิ่งที่ทำให้ผมอยากมาวัดก็คือการได้มาทำหน้าที่เป็นอาสาสมัคร ช่วยงานวัดช่วยงานหลวงพ่อในทุกๆงานบุญใหญ่ งานบุญแรกที่ผมได้ทำหน้าที่อาสาสมัครก็คือ กฐินหลวงปู่ ปี 51  จำได้เลยครับตอนนั้นมาวัดครั้งที่ 2 เองครับ ก่อนมาก็ชวนแม่ทำบุญ ที่บ้านก็ร่วมมา 20 บาท พร้อมคำพูดว่า"ให้ไปครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ"ผมก็ยิ้มๆ แล้วก็ออกจากบ้านมาค้างที่วัด 1 คืน จะใช้คำว่าค้างดีมั้ยครับ นอนก็เหมือนไม่ได้นอน เพราะต้องตื่นตี 2 กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนแล้ว ต้องเตรียมงาน เช็คความเรียบร้อย ก่อนที่สาธุชนจะมา ได้งีบไปนิดนึงแล้วก็ตื่นขึ้นมาอาบน้ำลงพื้นที่ ไปแจกถุงใส่รองเท้าให้สาธุชน ไปเดินนำธงเป็น 10 รอบให้กับสาธุชนที่มาจากต่างจังหวัดได้เข้ามานั่งตามที่วัดจัดให้ ตอนนั้นทำด้วยความที่ไม่ได้รู้เรื่องบุญสักเท่าไหร่หรอกครับ ทำเอาสนุก เอามันอย่างเดียว พอ 7 โมง พี่เขาให้พักผมกับเพื่อนๆ ก็หลับกันยาวจนเพลเลยครับ ตื่นมาเพลก็ไปดูเรื่องเก็บเก้าอี้ขบวนเจ้าภาพที่หน้าทางเข้า 1 สนุกมากเลยครับ เก็บเก้าอี้ด้วยความไว แขนเป็นรอยเลยครับ โดนเก้าอี้หนีบเป็นเส้นๆเลย พอเสร็จงานก็ไล่เก็บเก้าอี้เข้าที่แล้วก็กลับบ้าน สลบตั้งแต่กลับไปจนถึงเช้าเลยครับ  อ่านแล้วพอจะเข้าใจมั้ยครับ ทำไมผมถึงจำรายละเอียดได้ขนาดนี้ ก็เพราะผมปลื้มในการได้ทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครแม้จะเหนื่อยแค่ไหน พอสุดท้ายได้มาเป็นภาพแห่งความสำเร็จ ขนมันก็ลุกไปทั้งตัว ความปลื้มในสิ่งที่เราได้ทำลงไปมันก็ขึ้นมาจากไหนไม่รู้ บอกตรงๆเลยครับว่า"วัดพระธรรมกาย ทำให้ชีวิตของผมมีคุณค่า" นอกจากจะสอนให้ผมรู้จักเรื่องบุญบาปแล้วยังสอนให้ผมได้รู้จักช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกสาธุชนที่มาร่วมงานให้เขาได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด พอนึกถึงทีไรก็ปลื้มใจทุกทีเลย ถ้าไม่มีหลวงพ่อธัมมชโย ก็ไม่มีวัดพระธรรมกาย ก็คงไม่มีผมในวันนี้ ถ้าจะสรุปสั้นๆว่า "สิ่งดีๆที่วัดพระธรรมกายให้ฉัน" ก็คือ คุณค่าในการใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นครับ

LOVE หลวงพ่อ  LOVE วัดพระธรรมกาย  LOVE  LOVE

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

ชีวิตติดกรอบ




ตั้งแต่เล็กจนโต ผมกับพี่น้องทั้ง 6 คน(ชายล้วน)จะต้องทำตามที่คุณพ่อคุณแม่วางไว้ให้  เพื่ออนาคตที่ดีของแต่ล่ะคน ในบันดาลูกชายทั้ง 6 คน  ผมเป็นคนที่ 2  ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าวัดพระธรรมกาย  รู้มั้ยครับกว่าผมจะได้มาวัดพระธรรมกายในแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ผมต้องโดนพ่อแม่และญาติๆ คอยกีดกันหลายอย่างมาก  เริ่มตั้งแต่ขู่ว่าถ้ามาวัดจะไม่ส่งให้เรียนมหาลัย  ไม่ให้เงินค่าเดินทาง  ไปจนถึงพยายามหาอะไรให้ผมทำเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปวัด  ผมก็ไม่ได้สนใจยังคงตั้งใจไปวัดต่อ  การที่ผมมาวัดพระธรรมกายถือเป็นการออกนอกลู่นอกทางที่พ่อแม่ วางไว้ให้ ทำให้ท่านเสียใจมาก ตลอดชีวิต  ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะทำให้ แม่ที่ผมรักต้องเสียน้ำตาเพราะ  ผมไปวัดพระธรรมกาย งง มั้ยครับ ผมอะงงมากเลย  ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะทำให้แกเสียน้ำตาได้   ผมไม่เคยเที่ยวกลางคืนไม่เคยทานเหล้า ถ้าพูดง่ายๆก็คือเป็นเด็กที่อยู่ในโอวาทพ่อแม่ ท่านสอนอะไรผมก็รับฟัง  สอนไม่ให้ทานเหล้า ผมก็ไม่ทาน แต่ผมกลับมาทำให้แม่เสียน้ำตากับเรื่องวัด   ผมเคยคุยกับท่านเรื่องวัดแบบจริงจัง ท่านก็ไม่ฟัง ไม่สนใจ ท่านฟังคนอื่นมาเยอะครับ ผมเลยไม่สามารถจะทำอะไรได้  ยิ่งท่านห้ามผมก็ยิ่งไปวัดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ  ดีนะครับที่เวลามาวัดจะค่อยมีพี่ผู้ประสานงานเป็นกัลณาณมิตรให้ตลอด ค่อยสอนทำให้ผมเข้าใจเรื่องของวัด เรื่องของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย มากขึ้น ยิ่งนานวัน ยิ่งศรัทธา ยิ่งผูกผัน ยิ่งรักวัด รักหลวงพ่อ และรักการสร้างบารมีมากขึ้น การมาวัดพระธรรมกายทำให้เวลาของผมไม่สูญเปล่า ได้มาทำหน้าที่ช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมากเลยครับ 

รู้มั้ยครับผมมาวัดได้อย่างไร?  ปกติแล้วเวลามีคนถามคำถามนี้ผมมักจะตอบว่า "ก็นั่งหนองเสือมาลงหน้าวัด แล้วก็เดินเข้ามา" คนที่ถามก็มึนไปสักครู่นึงเลยครับ ^^ ผมมาวัดพระธรรมกายครั้งแรก ปี 51 จากการไปเข้าค่าย 7 วัน ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ ศีล 5 ? ศีล 8 ? คืออะไร หลังจบค่ายก็เข้าใจมากขึ้น และได้มาวัดจากการชวนของพี่อาร์ม(อดีตอุบาสกตอนนี้บวชแล้ว) ผมต้องยอมรับพี่เขาเลยนะครับเพราะเขานั่งชวนผมมาวัดตั้งแต่ขึ้นรถกลับจากเขาใหญ่มาจนถึงวัด ผมก็พยายามตอบเลี่ยง บอกไกลไม่มาหรอก ท่านก็พยายามเต็มที่ จนถึงบัดนี้บอกตรงๆเลยว่า ผมมาวัดติดวัดได้เพราะอะไร??? ก็ต้องชอบคุณที่พี่เขาค่อยทำหน้ากัลยาณมิตรและให้กำลังใจจากภัยครอบครัวแทยทุกครั้ง ถ้าไม่มีพี่เขาก็คงไม่มีผมในวันนี้ ผมคงจะติดอยู่ในกรอบที่พ่อแม่วางไว้ด้วยความหวังดีโดยที่ท่านไม่รู้หรอกว่านั้นคือการทำร้ายผมโดยที่ไม่รู้ตัว


ขอพิมพ์ไว้ประมาณนี้ก่อนล่ะกันนะครับ ไว้พรุ่งนี้จะมาพิมพ์ต่อ......